Diary Note No.5
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
6.เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities)
- เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)
- เด็กที่มีปัญหาทาการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
- ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กมีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
*ไม่ได้อยู่ในกลุ่มมบกพร่องทางสติปัญญา
*เหมือนคนปกติ
สาเหตุของ L.D.
- ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
- กรรมพันธุ์
* มองอะไรแล้วไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เช่น อ่านออก เขียนไม่ได้
*IQ ไม่ได้ตำ่กว่าปกติ
1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
- อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
- อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
- ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
ตัวอย่าง
- จาน ---> จาง/บา
- ง่วง ---> ม่วม/ม่ง/ง่ง
- เลย ---> เล
- โบราณ ---> โบรา
- หนังสือ ---> สือ
- อรัญ ---> อะรัย
ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการอ่าน
- อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
- อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
- เดาคำเวลาอ่าน
- อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
- อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
- ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
- ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
- เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
- เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
- เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
- เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ
* L.D. วัดได้ตอนประถมศึกษา อนุบาลยังไม่สามารถวัดได้
ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียน
- ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
- เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
- เขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน
เช่น ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9
- เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้
- เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
- เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
- จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียน
- สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
- เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิด
- เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
- ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
*อ่านหนังสือได้แต่เขียนไม่ได้
3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematics Disorder)
- ตัวเลขผิดลำดับ
- ไม่เข้าในเรื่องราวการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
- ไม่เข้าใจหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
- แก้โจทย์ปัญาเลขไม่ได้
ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการคำนวณ
- ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสือ ร้อย พัน หมื่น เป็นเท่าใด
- นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
- คำนวณบวก ลบ คูณ หาร โดยการนับนิ้ว
- จำสูตรคูณไม่ได้
- เขียนเลขกลับกันเช่น 13 เป็น 31
- ทดไม่เป็นยืมไม่เป็น
- ตีโจทย์เลขไม่ออก
- คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
- ไม่เข้าในเรื่องเวลา
4.หลาย ๆ ด้านร่วมกัน เขียน/อ่าน/คำนวณ
อาการที่มักเกิดร่วมกันกับ L.D.
- แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
- มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
- งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
- การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี
- สมาธิไม่ได้ (เด็ก L.D. ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
- เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
- ทำงานช้า
- การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
- ฟังคำสั่งสับสน
- คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
- ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
- ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
- ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
- ทำงานสับสนไม่เป็นข้ันตอน
* L.D. จะพบในเด็กผู้ชาย มากกว่า เด็กผู้หญิง 2 เท่า
* เด็กผู้ชาย ส่วนใหญ่จะเป็นด้านการ อ่าน เขียน เด็กผู้หญิง จะเป็นด้าน การคำนวณ
7.ออทิสติก (Autistic)
- หรือ ออทิซึ่ม (Autism)
- เด็กที่ไม่สามารถมีปฏสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
- ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
- เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
- ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
* ออทิสติกไม่สามารถรักษาได้ แต่บรรเทาอาการได้
"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"
วัด 4 ทักษะนี้
- ทักษะภาษา
- ทักษะทางสังคม
- ทักษะการเคลื่อนไหว
- ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่
*เด็กออทิสติก จะต่ำทางภาษาและสังคม
ลักษณะของเด็กออทิสติก
- อยู่ในโลกของตนเอง *คิดอะไรในหัวเยอะ
- ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
- ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
- ไม่ยอมพูด
- เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
- ดูหน้าแม่ ---> ไม่มองตา
- หันไปตามเสียง ---> เหมือนหหูหนวก
- เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม ---> เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด
- ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ---> ไม่สนใจคนรอบข้าง
- จำหน้าแม่ได้ ---> บางคนก็จำคนไม่ได้
- เปลี่ยนของเล่น ---> นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
- เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย ---> มีพฤติกรรมแปลกๆ
- สำรวจและเล่นตุ๊กตา ---> ดมหรือเลียตุ๊กตา
- ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ ---> ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้าง
เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา
ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างน้อย 2 ข้อ
- ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
- ไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
- ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
- ขาดทักษะการสื่อสารทางสังและทางอารมณ์กับผู้อื่น
ความผิดปกติด้านการสื่อสาร อย่างน้อย 1 ข้อ
- มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
- ในรายที่สามารถพูดได้แต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
- พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
- ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ
- มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
- มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
- มีการเคลื่อนไวร่างกายซ้ำๆ
- สนในเพียงบางส่วนของวัตถุ
พฤติกรรมทำซ้ำ
- นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
- นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
- วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
- ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
พบความผิดปกติ อย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
- การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
Autistic Savant ออทิสติกอัจฉริยะ
- กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (Visual Thinker)
จะใช้การคิดแบบอุปนัย (Bottom up Thinking)
- กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (Music,Math and Memory Thinker)
จะใช้การคิดแบบนิรนัย (Top down Thinking)
*ออทิสติกอัจฉริยะจะพบได้แค่ 2 %
ความรู้ที่ได้รับ
- ได้รับความรู้ในเรื่องของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แบ่งออกเป็นกี่ประเภทแล้วมีลักษณะอย่างไร อีกทั้งยังได้รับความรู้ในเรื่องของเด็กออทิสติกอีกด้วย
ประเมินเพื่อนร่วมห้อง
- เพื่อนมีความตั้งใจเรียน แต่ยังมีการติดเล่น ติดคุยกันบ้าง เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ประเมินอาจารย์
- อาจารย์แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ